เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 บริษัท โซจิทสึ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ โซจิทสึ คอร์ปอเรชั่น (“โซจิทสึ”) และ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ในนามของเครือสหพัฒน์ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการเป็นพันธมิตรระหว่าง สองกลุ่ม โดยเริ่มต้นจากการให้ โซจิทสึ เป็นตัวแทนในการนำเสนอ แนะนำลูกค้าเพื่อมาลงทุนในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ทั้ง 4 แห่ง โดยมี Mr. Hironori Tateiri (ที่ 2 จากซ้าย) Deputy COO, Industrial Infrastructure & Urban Development โซจิทสึ คอร์ปอเรชั่น และ Mr. Shinichi Sakata (ที่ 1 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โซจิทสึ (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา (ที่ 2 จากขวา) ประธานเครือสหพัฒน์ และ นายวิชัย กุลสมภพ (ที่ 1 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ลงนามความร่วมมือในการพัฒนาสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ โดยพิธีลงนามได้จัดขึ้นภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 23 ณ ไบเทค บางนา
จากวิสัยทัศน์ระยะยาวของประเทศไทยในการเป็น 'ไทยแลนด์ 4.0' ที่มุ่งหวังที่จะบรรลุการพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูงและการสร้างมูลค่าเพิ่มในระดับสูงของประเทศ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) ได้มีผลการศึกษาในปี 2561 เกี่ยวกับการลงทุนโดยตรง (FDI) จากประเทศญี่ปุ่น พบว่า ประเทศไทยเข้ามาอยู่อันดับที่สามรองจากจีนและอินเดียในด้านความน่าดึงดูดสำหรับการลงทุนในระยะกลาง และจากการศึกษายังคาดการณ์ถึงการเพิ่มขึ้น โยกย้ายและการขยายฐานผลิตในประเทศไทยอีกด้วย
เครือสหพัฒน์ เริ่มต้นการพัฒนาสวนอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรกในปี 2517 ที่อำเภอศรีราชา และได้มีการขยายต่อเนื่องไปยัง กบินทร์บุรี, ลำพูน และแม่สอด ซึ่งจากความร่วมมือครั้งนี้ โซจิทสึ จะสามารถส่งเสริม ชักชวนลูกค้า ผู้สนใจมาลงทุนได้หลากหลายพื้นที่ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด นอกจากนี้ด้วยการสนับสนุนจากเครือข่ายของ โซจิทสึ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย จะช่วยสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ประสบการณ์การพัฒนาสวนอุตสาหกรรมของโซจิทสึ ทั้งในประเทศ เวียดนาม, อินโดนีเซีย, อินเดีย, และฟิลิปปินส์ ผสานเข้ากันกับประสบการณ์ของเครือสหพัฒน์ ในครั้งนี้เชื่อว่า จะสามารถเสนอบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่นักทุนทั้งชาวไทยและญี่ปุ่นในการขยายธุรกิจมายัง เอเชีย เพื่อที่จะสร้างคุณค่าให้แก่อุตสาหกรรมได้ในระยะยาวต่อไป
